การพัฒนาซอฟต์แวร์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ต้องดีและรวดเร็วมากขึ้น นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด Platform Engineering ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Platform Engineering คืออะไร
Platform Engineering (วิศวกรรมแพลตฟอร์ม) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีทีมพัฒนาหลายทีม Platform Engineering จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างทีม เพิ่มความคล่องตัว และเร่งความเร็วในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ
เป้าหมายสำคัญของ Platform Engineering
การลดความซ้ำซ้อนของงาน ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยรวม
- Abstract Complexity
ช่วยลดความซับซ้อนของระบบและกระบวนการที่ซ้ำซ้อน โดยการสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นชั้นกลาง (Middle Layer) ให้ทีมพัฒนาสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่ายขึ้น
- Standardize Workflows
จัดให้มีมาตรฐานกระบวนการทำงานที่ชัดเจน เพื่อให้ทีมต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ลดความขัดแย้ง และเพิ่มประสิทธิภาพการประสานงาน
- Enable Self-Service
ทำให้ทีมพัฒนาสามารถเข้าถึงและใช้งานทรัพยากรต่างๆ ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นหรือรอคิวงาน ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการทำงาน
- Optimize Resource Utilization
จัดสรรทรัพยากรองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการแชร์และใช้ร่วมกันอย่างคุ้มค่า ลดความซ้ำซ้อนและรักษาความปลอดภัยของระบบ
ประโยชน์ของ Platform Engineering
การนำแนวคิด Platform Engineering มาใช้ส่งผลดีต่อองค์กรในหลายๆ ด้าน ได้แก่
- เพิ่มความเร็วในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ (Delivery Speed)
ด้วยการลดความซ้ำซ้อนและอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกัน ทำให้ทีมพัฒนาสามารถเร่งความเร็วในการพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้น
- ยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ (Product Quality)
การใช้มาตรฐานและกระบวนการที่ชัดเจน ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูงขึ้น และสามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพร่องได้ง่ายขึ้น
- ลดต้นทุนการดำเนินงาน (Operational Cost)
การใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความซ้ำซ้อนของงาน ช่วยประหยัดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมาก
- เพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัว (Flexibility & Agility)
ด้วยการทำงานแบบ Self-Service ทำให้ทีมพัฒนามีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนและตอบสนองต่อความต้องการใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้ในการออกแบบและสร้างแพลตฟอร์มที่ทีมผู้พัฒนาจะใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการปรับขยาย ความปลอดภัย และการลดต้นทุนให้กับองค์กร การปรับขยายขนาดหรือความสามารถของระบบจะทำได้ง่ายขึ้น พร้อมยังช่วยลดความซ้ำซ้อนในการพัฒนา และทำให้ทีมต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้
New Generation Blog “DeeShot” บล็อกเรื่องราวทั่วไปจากนักเขียนที่ชื่นชอบงานธุรกิจลงทุน สุขภาพความงาม และเทคโนโลยี ที่แตกต่างแต่เหมือนกัน รวบรวมทุกความน่าสนใจมาไว้ที่บล็อกเดียว