การแข่งขันของธุรกิจในยุคของดิจิทัลมีอัตราที่สูงขึ้นอย่างมาก และแทบจะไม่มีอัตราการแข่งขันที่ลดลงเลย ทำให้ทุกๆ ธุรกิจต้องหันเข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นจากที่ออฟไลน์อย่างเดียวก็ต้องทำออนไลน์ด้วย ทั้งโซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มการค้นหาที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลกเช่น Google ก็มีการแข่งขันเช่นกัน ทำให้การมีเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ บน Google นั้นมีความสำคัญต่อโอกาสความสำเร็จของธุรกิจมากๆ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่จะค้นหาสินค้า และบริการผ่านทางระบบ Search Engine ส่งผลต่อเนื่องให้การทำ SEO กลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณโดดเด่นกว่า และถูกค้นพบง่ายขึ้น และถ้าคุณกำลังมองหาบริการ SEO ที่ดีที่สุดเพื่อช่วยยกระดับธุรกิจให้ติดอันดับต้นๆ บน Google บทความนี้เราจะแนะนำกลยุทธ์การทำ SEO ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ และเคล็ดลับการทำ SEO จาก Cz Group ผู้นำด้านบริการ SEO ของประเทศไทย
การทำ SEO คืออะไร ?
ควาว่า SEO นั้นย่อมาจาก Search Engine Optimization ที่เป็นกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อดึงดูดจำนวนผู้เข้าชมจากผลการค้นหาคีย์เวิร์ดต่างๆ บน Search Engine และการปรับปรุงเว็บไซต์ตามหลักการ SEO นั้น จะมุ่งเน้นการปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ บนหน้าเว็บให้เข้าเกณฑ์การจัดอันดับของเสิร์ชเอนจิน ไม่ว่าจะเป็น Google, Bing หรือ Yahoo เพื่อให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับให้โดดเด่นในผลการค้นหา โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
SEO และ SEM (Google Ads) มีความแตกต่างกันยังไง
การทำ SEO และ SEM เป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มีความสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ แต่มีความแตกต่างกัน ทั้งสองกลยุทธ์มีประโยชน์และสามารถใช้ร่วมกันได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้เข้าชมและเพิ่มยอดขายออนไลน์ของเว็บไซต์ และการทำงานของทั้ง 2 วิธีมีความแตกต่างกันดังนี้
การทำงานของ SEO (Search Engine Optimization)
SEO เป็นกระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ปรากฏในผลการค้นหาธรรมชาติ (organic search results) ของเครื่องมือค้นหา เช่น Google และ SEO เน้นไปที่การปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ติดอันดับแบบ Organic ที่ต้องใช้เวลาและความพยายามต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน และไม่มีค่าใช้จ่ายโดยตรง แต่ต้องลงทุนในด้านเนื้อหาและการปรับปรุงเว็บไซต์
การทำงานของ SEM (Search Engine Marketing)
SEM เป็นการตลาดที่รวมถึงการใช้โฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (Pay-Per-Click – PPC) เช่น Google Ads เพื่อให้เว็บไซต์ปรากฏในตำแหน่งที่โดดเด่นบนผลการค้นหา SEM เน้นที่การใช้โฆษณาเพื่อให้ปรากฏในผลการค้นหาแบบจ่ายต่อคลิก สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที มีค่าใช้จ่ายต่อคลิกซึ่งอาจจะสูงมากในระยะเวลาสั้นๆ
ทำไมต้องทำ SEO เพื่อให้เว็บถูกพบจากการค้นหาบน Google
Google เป็นเครื่องมือค้นหาที่ได้รับความนิยมสูงสุดบนโลกออนไลน์ มีผู้ใช้งานมากกว่า 3.5 พันล้านคนทั่วโลก เมื่อลูกค้ามีความต้องการค้นหาสินค้าหรือบริการ พวกเขาก็จะใช้ Google เป็นเครื่องมือในค้นหาเป็นหลัก ดังนั้นหากธุรกิจของคุณไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของ Google ต้องบอกเลยว่าคุณจะพลาดโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน
1. เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์ (ฺBrand Awareness)
การเลือกทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของธุรกิจถูกจัดอันดับให้อยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาบน Google ได้ ซึ่งก็จะเพิ่มโอกาสในการถูกค้นหาเจอโดยลูกค้าที่มีความต้องการ หรือกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และเมื่อธุรกิจชอยู่ในอันดับต้นๆ ของ Google ก็จะได้รับการความสนใจจากผู้ที่เข้ามาค้นหามากขึ้น
2. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ (Credibility)
ความเชื่อและความสนใจของคนเรานั้น มักจะเชื่อว่าค้นหาเจอก่อนเท่ากับคนดูเยอะ ทำให้ธุรกิจที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของ Google จะได้รับการยอมรับว่ามีความน่าเชื่อถือ และถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจนั้นๆ ได้โดยปริยาย และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจอีกด้วย
3. เพิ่มยอดขายและรายได้ (Sales)
และเมื่อมีผู้คนเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น โอกาสในการเสนอขายสินค้า และบริการก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ทั้งความน่าเชื่อถือและน่าสนใจจากอันดับเว็บไซต์ที่สูง ส่งผลให้ยอดขาย และรายได้ของธุรกิจสามารถเติบโตขึ้นได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของ Google เท่านั้น
กลยุทธ์ SEO สำคัญที่ช่วยให้ติดหน้าแรกบน Google
แล้วการที่จะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้ มันก็มีปัจจัยหลายอย่างมากที่ส่งผลในเรื่องการทำอันดับ ซึ่งเราจะอธิบายกลยุทธ์ 5 ข้อหลักๆ ที่ใช้ในการทำ SEO ให้ได้รู้กัน ดังนี้
1. การวิจัย และเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม (Keyword Research)
เริ่มจากการวิจัยถึงตัวของธุรกิจว่าเป็นสินค้าอะไร บริการอะไร จัดทำที่ไหน เพื่อเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับธุรกิจ เนื่องจากคีย์เวิร์ดเป็นตัวกำหนดสิ่งที่ผู้ใช้จะค้นหาธุรกิจของเราได้บน Google การใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้จะช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจถูกค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น
2. การเขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
การอัปเดตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ และเรื่องราวการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านนั้นจะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นบน Google เพราะมีทราฟฟิกเพิ่มจากคนที่เข้ามาค้นหาเนื้อหาต่างๆ และยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ดึงดูดผู้อ่านให้กลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกครั้ง
3. การปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์
เชื่อว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ชอบเว็บไซต์ที่โหลดเร็ว ใช้งานง่าย เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ที่ดี เป็น First Impression ที่น่าประทับใจ จึงควรมีการเช็คและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์อยู่เสมอ และยังช่วยให้ Google นับว่าเว็บไซต์มีคะแนนที่ดี (สามารถเช็คความเร็วเว็บไซต์ได้ที่ PageSpeed Insights)
4. การสร้างลิงก์ภายนอก (Backlinks)
การมีลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีคุณภาพ และมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรานั้น จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดอันดับของเว็บไซต์บน Google ดังนั้น ซึ่งการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ภายนอก จึงเป็นกลยุทธ์ SEO ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง
5. ติดตามและวิเคราะห์
การหมั่นติดตามผลลัพธ์ของอันดับเว็บไซต์ช่วยให้ภาพของผลลัพธ์ จากกลยุทธ์ SEO ที่ได้ทำไป ซึ่งหากอันดับเว็บไซต์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็จะมีการวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุ รวมถึงการปรับปรุงกลยุทธ์เพิ่มเติมได้ และการติดตามอันดับเว็บไซต์ช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ที่เสริมศักยภาพให้มีโอกาสทำอันดับได้ดีมากขึ้น
สิ่งที่ต้องห้ามในการทำ SEO
การทำ SEO เองก็มีข้อห้ามที่ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อให้เว็บไซต์ ไม่ถูกลงโทษจากเครื่องมือค้นหา และเพื่อให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย ข้อห้ามเหล่านี้เรียกว่า “Black Hat SEO” ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่ถูกต้องตามหลักของการทำ SEO และนี่คือข้อห้ามที่สำคัญในการทำ SEO ที่ไม่ควรทำโดยเด็ดขาด
1. การใช้ Keyword ซ้ำมากเกินไป (Keyword Stuffing)
การใส่คำสำคัญลงในเนื้อหามากเกินไปจนทำให้เนื้อหาดูไม่เป็นธรรมชาติและอ่านไม่รู้เรื่อง นอกจากจะทำให้ผู้ใช้งานไม่ชอบกับการแสดงเนื้อหาแบบนี้ ยังทำให้เครื่องมือค้นหาลงโทษเว็บไซต์
2. การสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพต่ำ (Low-Quality Backlinks)
การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์เรา เช่น เว็บสแปม ซึ่งสามารถทำให้เว็บไซต์ถูกลดคะแนนได้
3. การซ่อนเนื้อหา (Hidden Text and Links)
การซ่อนเนื้อหาหรือซ่อนลิงก์บนหน้าเว็บโดยใช้สีที่เหมือนกับพื้นหลัง การทำให้ข้อความมีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็น ก็นับเป็นการหลอกเครื่องมือค้นหาให้เข้าใจผิดได้
4. การใช้เนื้อหาที่ซ้ำซ้อน (Duplicate Content)
การคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นๆ เพื่อนำมาใช้ซ้ำบนหน้าในเว็บไซต์ จะส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณถูกลดคะแนนจากเครื่องมือค้นหา และอาจมีประวัติไม่ดี
5. การสร้างฟาร์มคีย์เวิร์ด (Keyword Farm)
การสร้างเว็บไซต์ หรือหน้าเว็บที่มีแต่คำสำคัญโดยไม่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ เพื่อดึงดูดการเข้าชมจากเครื่องมือค้นหาที่ไม่มีคุณภาพเอาซะเลย
บริการรับทำ SEO จากบริษัทการตลาดออนไลน์ Cz Group
Cz Group เป็นบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำ อันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำ SEO มามากกว่า 14 ปี พร้อมที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณ ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google พร้อมทั้งวางแผนการตลาดออนไลน์ครบวงจรเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณนำหน้าคู่แข่งบนโลกออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูง
แพ็คเก็จบริการรับทำ SEO จาก Cz Group
- ราคาเริ่มต้น 20,000 บาท/คีย์เวิร์ด (จ่ายครั้งเดียวจนกว่าจะติดอันดับ)
- **รับประกันอันดับเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลา 60 วัน
- เลือกคีย์เวิร์ดที่ใช่และตรงกับธุรกิจ เพิ่ม Traffic เข้าชมเว็บไซต์ที่มากขึ้น
- ปรับแต่งเว็บไซต์ และเนื้อหาภายในเว็บไซต์ตามโครงสร้าง SEO
- เพิ่มประสิทธิภาพจากภายนอก (Backlink) เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณในสายตา Google
- บริการอัพเดทคอนเทนต์เว็บไซต์ทุกเดือน
- รายงานผลอย่างละเอียดและต่อเนื่อง ติดตามความคืบหน้า และปรับกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ SEO
การทำ SEO ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล ?
การทำ SEO มักจะใช้เวลา 2-6 เดือนในการเริ่มเห็นผลลัพธ์แรกเริ่ม และอาจใช้เวลานานถึง 12 เดือนหรือมากกว่านั้นในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน การทำงานอย่างต่อเนื่องและการปรับปรุงกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหา และอาจมีบางปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาที่ใช้ในการทำ SEO
- อัตรการแข่งขันของ Keyword
- คุณภาพของเว็บไซต์
- การสร้างคอนเทนต์เนื้อหา
- การปรับปรุงโครงสร้าง SEO เว็บไซต์
- ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจแตกต่างไปในแต่ละเว็บไซต์
ถ้าไม่ทำ SEO จะสู้คู่แข่งบนโลกออนไลน์ได้ไหม ?
ถ้าไม่ทำ SEO อาจทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันกับธุรกิจเจ้าอื่นๆ เพราะการแข่งขันบนโลกออนไลน์นั้นทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย และยังส่งผลให้ธุรกิจคุณพลาดโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจำนวนมหาศาล และคู่แข่งที่ทำ SEO จะสามารถนำหน้าคุณได้ง่ายๆ แนะนำว่าทำ SEO จะดีกว่าและคุ้มค่าแน่นอน
ถ้าไม่ทำ SEO พอมีอะไรทดแทนได้บ้าง ?
ถ้าไม่ทำ SEO ก็จะมีการทำโฆษณาออนไลน์ เช่น Google Ads หรือ Facebook Ads ที่อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่วิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง และไม่ยั่งยืนเท่ากับการทำ SEO ที่จะช่วยให้คุณติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ได้อย่างถาวร
เพราะการทำ SEO เปรียบเหมือนกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และแบรนด์ที่แข็งแกร่งพร้อมสู้กับคู่แข่งบนโลกออนไลน์ ทาง Cz Group บริษัทรับทำ SEO อันดับ 1 ของประเทศไทย พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการตลาดออนไลน์ครบวงจรเพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณนำหน้าคู่แข่งบนโลกออนไลน์ ได้อย่างตรงจุดและคุ้มค่าที่จะลงทุนอย่างแน่นอน
New Generation Blog “DeeShot” บล็อกเรื่องราวทั่วไปจากนักเขียนที่ชื่นชอบงานธุรกิจลงทุน สุขภาพความงาม และเทคโนโลยี ที่แตกต่างแต่เหมือนกัน รวบรวมทุกความน่าสนใจมาไว้ที่บล็อกเดียว